เล่าประสบการณ์ทำเลสิคของซี แบบเห็นภาพ

 

ประสบการณ์การทำเลสิคของซี  

“งั้นทำเลยก็ได้ค่ะ”

มันแค่เริ่มจากคำนี้ ที่ตอบคุณหมอ

แต่ย้อนไปก่อนหน้านี้ประมาณ สองสัปดาห์น้องแจน สาวสวยนักศึกษาเพิ่งจบหมาดๆ เพิ่งผ่านมาทำเลสิค และกลับมาทำงานอย่างขยันขันแข็ง แม้ตาขาวจะมีเลือดเบาบาง

“ตาเป็นอะไรน้อง” พี่ซีถามด้วยความเป็นห่วง

“อ๋อ หนูเพิ่งไปทำเลสิคมาค่ะ” ซีตอบไปด้วยความตกใจที่ทำไมไม่พักตาอุตส่าห์ออกมารับผิดชอบงานอย่างน่าชื่นชมแต่ขณะเดียวกันก็น่าเป็นห่วงมากเลยรีบไล่กลับไปพักสายตาด่วน จากนั้นมาราวสองสัปดาห์กว่า น้องแจนก็เป็น แรงผลักดันครั้งสำคัญที่ทำให้ ซีรู้สึกว่า “เฮ้ยเลสิคไม่ได้ยาก ไม่ได้เจ็บขนาดนั้น มันคงสบายมากถ้าเราตื่นตาเห็นชัดทุกวัน”
สรปุแล้วมีหลายเหตุผลที่น่าไปเลสิค หลักเห็นว่า“ไม่เจ็บปวดทรมานอย่างที่คิด” และ “ตาเราน่าจะคงที่แล้ว” รวมไปถึง”อยากมองเห็นเด็กชายต้นไม้ชัดๆตลอดเวลาจะได้ปกป้องเขาได้ทุกเมื่อ”…เหตุผลแม่มันสตรองมาก เอาล่ะ!!!ลองหายปอดแหกด้วยการไปตรวจหลายๆที่หน่อยแล้วกัน เท่าที่เช็คถ้าจะทำเลสิคคงไปได้ไม่กี่ที่ ที่เราเชื่อมือแน่นอน

1.Laser Vision กับคุณหมออนันต์ คนนี้โปรไฟล์จัดหนักเชี่ยวชาญการเลสิคมาก และเชี่ยวชาญเรื่องกระจกตาด้วย ท่านนี้ ถือว่าตารางการออกตรวจดีกว่าใคร คือ4วันต่อสัปดาห์ ที่เลเซอร์ วิชั่น…คิวไม่ร้าวรานตารางงานเรามากไป

2.TRSC ต้องคุณหมอเอกเทศ เท่านั้น คนนี้ก็มือฉมังอีกท่าน แต่เข้าเวรสัปดาห์ละครั้ง นัดวันตรวจวันนึง วันผ่าอีกวันนึง และคิวที่ได้คืออีกนาน หกเดือนข้างหน้าไรงิ…

3.Bangkok Hospital เผอิญชีวิตไมได้อยากตัวเลือกเยอะมาก เด็กมันเนิร์ดเลยขอเลือกหมอแค่สองท่านพอคะ เอาละลองไปคุยกับท่าแรกก่อน เพราะมองว่าท่านแรกจากโปรไฟล์ชำนาญมากๆน่าเชื่อถือสุดๆ

ซีได้ไปรับการเลสิค วันจันทร์ที่หยุดราชการพอดีคะ ลากสามีไปเป็นผู้รอ ทำหน้าที่รออย่างเดียวเพราะไม่แหวว กำลังใจหายากหน่อย…ถ้าคิดจะทำต้องหาคนไปเป็นเพื่อน1คนคะ

ก่อนเจอคุณหมอซึ่งจะเข้าช่วงบ่ายโมง ก็ไปถึง11.00ไปตรวจสายตา อ่อ ลืมเล่าว่าก่อนมาหาก็ต้องถอดคอนแทคเลนส์ตั้ง5วันอย่างน้อย ตอนก่อนเจอคุณหมอเหนื่อยมาก เพราะต้องเดินเข้าห้องตรวจ 3-4รอบ ตรวจหลายอย่างตั้งแต่วัดค่าสายตาแบบสวมแว่น เปลี่ยนเลนส์ไปมาก่อนและหลังหยอดตาขยายม่านตา แล้วก็ตรวจกล้องอีกสอง ถึงสามชนิด

รวมๆแล้วก่อนให้หมอวินิจฉัยว่าจะผ่าตัดเลสิคได้ไม่ได้ กินเวลาไปค่อนวัน คือเกือบ 3ชั่วโมงอย่างน้อย เพราะพอตรวจทุกขั้นตอนแล้ว รอนานสุดคือหยอดขยายม่านตา เป็นห้องให้เราหยอดตาแสบๆแต่ทนได้แต่รอไปชั่วโมงนึง เสร็จแล้วก็ตรวจเครื่องอีกรอบ สองสามยก ก่อนเจอคุณหมอ…ราวบ่ายโมงครึ่ง

หมอใจดีมากคะ เบื้องต้น ก็ประเมินจากผลการตรวจและส่องกล้อง(อีกแล้ว) ดูลูกตาเราว่า กระจกตาทำได้หรือไม่ได้

สรุปคือทำได้…ซีคิดว่าไม่แต่งหน้าเลยหลายวันอาจไม่พร้อม แต่ปรึกษาคุณหมอบอกว่า

“สามารถทำได้ ถ้าไม่ได้ติดอะไรมากก็ทำไปเลยได้”

กติกาคือ

1.ห้ามแต่งหน้าในหนึ่งอาทิตย์

2.นอนครอบตาแมงวันไปหนึ่งอาทิตย์

3.อย่าซนห้ามโดนน้ำ ว่ายน้ำ ลงน้ำหนึ่งอาทิตย์ และสองอาทิตย์อย่าลงทะเล อ่อ งดเหงื่อด้วย
ยากทุกอย่างแต่พอปรึกษาคุณหมอรู้สึกว่า

“เฮ้ย ถ้าเราจะทำเราจะทำกับหมอคนนี้แหละ คุยแล้วใช่ เราเชื่อมือหมออนันต์อ่ะ”

ตอนนี้ซีลังเลมากระหว่าง “femto Lasik” กับ “Relex” น่าจะอ่านมาหลายเวบมากๆและศึกษาเรื่องกระจกตามากมายเหมือนกัน บางทีศึกษาเยอะไปเครียดไปนะ ชีวิตต้องเลือกเชื่อ!!!

แต่มาเคาะจบตอนปรึกษาคุณหมอว่า “ทำแล้วผลที่ออกมาไม่ต่างกัน ถ้าการรักษาไม่มีปัญหาอะไร” ตีความเอาเองว่าเทคโนโลยีก็ส่วนนึง “ฝีมือหมอก็ส่วนนึง”

แต่เท่าที่อ่านมาที่ “การเปิดกระจกตาที่ต่างกัน” คือเฟมโตจะเปิดตัวC เปิดประตูออกมาเลยแล้วเลเซอร์เข้าไปค่อยปิด

Relex จะไม่เปิดแค่เจาะรูยิงๆๆๆ แต่เข้าใจว่าต้องดึงออกมาเหมือนกัน…ขอไม่อธิบายละเอียดเชิงลึกเพราะเลือกทำ “เฟมโต้”คะทั้งสองอย่างเป็นการผ่าตัดไร้ใบมีด…แต่มาสรุปจบตอนนี้คุณหมอพูดว่า

“เลสิคแบบนี้ผ่านมาสองแสนกว่าเคสแล้ว ทั่วโลก” แต่”แบบRelexคือหลักหมื่นเคส”

ซีชอบความไฮเทค แต่ซีเลือกอะไรที่เรามั่นใจได้ชัวร์ๆว่า จากสถิติการยอมรับอันไหนมากกว่า แต่ตอนนี้เข้าใจว่าRELEX เพิ่งผ่านFDA ได้รับการยอมรับมาเมื่อไม่นานนี้ค่ะ ก็เป็นเทคโนโลยีใหม่กว่า แผลหายเร็วกว่า แต่ระยะยาวเคสมันน้อยกว่า เลยเอาเวอร์เก่ากว่านิดนึงน่า ออริจินัล เพราะเฟมโต้มันจะประหยัดกระจกตากว่า….เอานะๆๆ เชื่อหมอท่านนี้ อย่าได้ลังเลใจ ที่สำคัญยังไม่มีเคสผิดพลาดเลยตั้งแต่ทำมา19ปีจากการสอบถามศูนย์ Laser Vision

หลังจากนั้น นั่งโทรหา “น้องแจน”เพื่อหากำลังใจขณะสามีนั่งกินไส้กรอกเซเว่นรอ (เซเว่นอยู่ข้างๆ) รอแบบพึมพำว่า “ถ้าตรวจมาละเอียดขนาดนี้ นานเบอร์นี้ ท่าจะต้องทำแล้วมั้ง”

ใจก็มั่นใจละว่าเฮ้ยอยากทำ…เลยเลื่อนคิวทุกอย่างแล้วตกลงใจ

“ทำเลยก็ได้ค่ะ” …ตอบซะมั่น แต่ใจหวิวกลัวสั่นๆสู้

….นั่งรอหลังหยอดให้ม่านตาไม่ขยาย  กลายเป็นปกติเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าๆ ถึง45นาที เจ้าหน้าที่เชิญเข้าห้องชมวีดีทัศน์การผ่าตัดชนิดต่างๆ การปฏิบัติตัว…ดูแล้วก็กลัวอยู่ดี หลังจากนั้น พอตัดสินใจจะทำ หยอดตาแล้ว พักแล้ว ม่านตาหดบ้างละ ค่อยเดินขึ้นลิฟท์ไปชั้นสองเพื่อรับการเลสิค ซึ่งก็คือการผ่าตัดตาชนิดนึง…สามีดูชิวมาก นั่งกระดิกเท้าอ่านนสพ.รอ

ห้องปลอดเชื้อ หยอดตาเข้าไปอีก ฆ่าเชื้อ…หมอเดินมาให้กำลังใจแปร้ปว่า ไม่เจ็บ ไม่ต้องกลัวแปร้ปเดียวเสร็จถ้าร่วมมือ

อ่านมาในเน็ตไม่มีใครบอกเจ็บ แต่บอกเลยค่ะ …ขอใช้คำว่า กลัวคอดดดดดด …..กลัวกว่า คลอดลูกอีก กกกกกกก

พยาบาลเดินมาพาเข้าห้องผ่าตัด…คุณพระ ห้องมันโล่งๆแต่มีเครื่องมือใหญ่ๆ วางอยู่ มีกลิ่นอายห้องผ่าตัด ในสายตาพร่ามัวจากการหยอดตามาหลายขนานสุดๆตั้งแต่เที่ยง ก็สัมผัสได้ว่า หมอและพยาบาลยิ้มให้กำลังใจสุดๆ…แต่แบบ ความปอดแหกมันทำให้ยิ้มตอบไม่ค่อยออก หมอคงรู้ว่าซีผวามาก….ตามีคู่เดียวแถมตอนทำ “สติสัมปชัญญะครบถ้วน” เราจะมองในสิ่งที่เขากระทำกับลูกตาเราแบบ”สำนึกรู้ตลอดเวลา”!!!

ต่อไปนี้คือประสบการณ์ระหว่างการทำค่ะ สิ่งที่ซีจำได้คือ

เมื่อเรานอนลงเตียงใต้เครื่องเลสิค ทุกกระบวนการผ่านไปอย่างรวดเร็วที่สุด คุณหมอเริ่มปิดตาข้างหนึ่ง และเปิดตาโดยใช้เครื่องถ่างตาข้างนึง ตาเราไม่มีสิทธิกระพริบค่ะเพราะเครื่องมันถ่างสะใจจริงๆ ไม่เจ็บนะคะ ฝืนๆ ที่รำคาญสุดคือ ซีว่าตอนเช้าหยอดตามาไม่รู้เท่าไหร่แล้วนะ ตอนผ่าตัด หยอดตาประมาณยี่สิบกว่ารอบ คือมันอะไรบ้างไม่รู้แต่เรียงตามนี้ค่ะ

นอนลง ปิดผ้า ถ่างตา ตานิ่งๆมองไฟกระพริบเขียวแดง ซึ่งบางช่วงจะไม่เห็นให้พยามเล็งตรงจุดที่มองอยู่ มีอะไรมากดทับตานั่นคือขั้นตอนการผ่ากระจกตาเป็นตัวซี (เดาว่านะ) หลังจากนั้น หยอดๆๆ ล้างๆๆ น้ำจะหยดและไหลจำนวนมากมีคนมาช่วยหยอดช่วยซับตลอด มีคนราวหกคนถ้ามองไม่ผิดก่อนนอนลงเห็นประมาณนั้น ผ่าเปิดกระจกตาเรารู้สึกได้เลยเชื่อป่ะ เราเห็นทุกอย่างกิจกรรมที่กำลังผ่าอยู่เพราะสติมันไปจับอยู่ตรงตาตลอดเวลา มันไม่เรียกว่าเจ็บแต่ ปวดตารำคาญตาสักหน่อย เหมือนมันจะข้างละแค่ห้าถึงสิบนาที แต่มันเป็นสิบนาทีที่นานที่สุดในชีวิตเลยขอบอกเวลาอยู่กับความกลัวเนี่ย นานมาก…พอเปิดกระจกตาออก  ต่อไปคือ “การยิงเลเซอร์”ซึ่งก่อนหน้านั้นจำได้ว่า เราจะมองไม่เห็นชั่วขณะ อันนี้หมอตะโกนบอกเบาๆก่อนทำตลอดคะ พยามอธิบาย เราหายใจไม่ทั่วท้องเกร็งสุดๆ แต่หมอบอกให้สบายๆจะได้เสร็จไว ตอนยิงไม่มีความเจ็บ และมองไม่เห็นชั่วขณะ แต่เรามองเห็นเหมือนแสงมืดแล้วมี Dot หมุนๆหลายๆอัน มีเสียงเครื่องทำงานแบบดิจิตอลระหว่างการยิง …ถ้าใครทำลองสังเกตดูนะคะ ว่าเห็นเหมือนซีไหม…ความเจ็บไม่ได้เป็นประเด็น เพราะลูกตาไม่รับความรู้สึกแต่ความกลัวมันทำให้กังวลว่าเฮ้ยจะบอดไหมวะเนี่ย

แถมตอนก่อนเข้าห้องก็หยอดยาชามาแล้ว หยอดไรก่อนหลังอย่าเชื่อมากนะคะ ตอนนั้นมันเยอะมากเบลอ เอารวมๆเล่าแบบนี้นะคะ พอยิงแสงเรียบร้อยก็น้ำยาอะไรต่ออะไร ซู่ลงตา หยอดแล้วตามัว โอ้ยอีกประมาณห้าถึงสิบสิ่ง แต่ไม่นานมันก็เสร็จ…หนึ่งข้าง ซีว่าราวสิบนาทีคะ…นานมากในความรู้สึก ถ้าไปจับความรู้สีกมันจะนานมากจริงๆ แต่ไม่เคยเห็นใครบอกนาน ทุกคนไปทำบอกแป้ปเดียว…มีซีนี่แหละ กลัวเว่อร์ จนหมอคงเสียเซลฟ์นิดๆ555…อีนี่!!!(คิดเองนะคะ)

ทำเสร็จหนึ่งข้างบอกหมอว่า “หมอคะ แปร้ปนะคะ ซีเครียด ขอหายใจแปร้ปนึง… (หมอหัวเราะร่วน)

เอ่อ หมอคะ เราไม่เปิดเพลงอะไรกันหน่อยหรือคะ?” พยาบาลถึงกับหลุดหัวเราะกันคิกคัก ก็มันเครียดอ้ะะะะะะ เปิดเพลงหน่อยเห๊อะ…แต่หมอคงอยากให้เสร็จเร็วๆ เราเลยทำใจแข็ง แล้วทำต่ออีกข้างรู้สึกนานเท่ากันเป๊ะ เบื่อตอนกดทับตาสุด…เพราะถูกถ่างลูกตาและกดทับอีกสุดฝืนยืนกลั้น ยิ่งกว่าใส่แว่นตาดำน้ำที่รัดสุดๆ แต่ใส่ข้างเดียว ไม่เจ็บแต่อึดอัดหัวใจ 55 พยามคิดอย่างอื่น ร้องเพลงในหัว สังเกตตอนเลเซอร์ว่าจะเห็นไม่เห็นอะไรบ้างเล่นๆเก็บมาเล่า เพราะก่อนเข้าผ่าตัดอ่านหมดทุกกระทู้ ทุกเวบ อ่านดะเลย อยากรู้….แล้วคิดในใจ อยากเขียนบรรยายไว้มั่ง เพราะเรามันมนุษย์ขี้กลัว ถ้าเราผ่านได้ ทุกคนผ่านได้สบาย555 …เหมือนตาขวาจะเหลือบๆไม่ค่อยนิ่งเลยช้ากว่านิดนึงคะ การผ่าตัดเรียบร้อยบนเตียงไม่ต้องย้ายไปไหน มีเตียงเดียวถ้วน

20นาทีผ่านไป….ตาเสร็จเรียบร้อยสองข้างมี ฝาครอบตาเหมือนแมลงวันปิดตาลงจากเตียง ตามัวนิดๆแต่มองลอดช่องแมงวันเห็นนะ นึกในใจ “เฮ้อ…คงรอดนะ” หมอมีแก่ใจถ่ายรูปคู่หลังลงจากเตียงด้วย มาทราบทีหลังคือมีภาพความทรงจำหลังทำใส่กรอบให้ทุกคน วันกลับมาตรวจวันถัดมา..

.ตอบหมอไปตรงๆค่ะ “ไม่เจ็บค่ะ แต่กลัวจริงไรจริง”

หมอตอบว่า “ธรรมดาอ่ะนะ ตามีคู่เดียว…” ในบริบทน้ำเสียงที่ชิวเพราะความชำนาญแกมาก

เราแน่ใจว่าจะดูแลดีดีเพื่อไม่ให้ติดเชื้อแต่ไม่แน่ใจว่าจะหยุดเล่นมือถือได้นานแค่ไหน เพราะมันเป็นอาชีพ และเป็นนิสัยมากๆอดใจสุดๆ

หลังกลับมาระหว่างอยู่บนรถปวดตาหนักๆ สงสัยยาชาหมดฤทธิ์แต่กินยาแก้ปวดไปสองเม็ดก่อนออกมา กลับถึงบ้านตามคำแนะนำเลยคะ นอนนนนนนน นอนยาวมากสามชั่วโมงตอนบ่ายแก่ถึงเย็น กินข้าวในห้องนอนและนอนต่อเลยคะ ไม่ดื้อไม่ซนใดๆ ตัดการสื่อสารที่มีทุกช่องทาง ….พัก


คืนนั้น น้ำตาไม่ไหลคะ โชคดี ตาไม่แสบ ปวดตาเบาๆเคืองๆเหมือนมีไรในตา ไม่พยามจะเปิดตาคะ เลยดีหน่อย อย่าฝืน หลังจากหลังผ่าตัด คืนแรกดูผ่านไปด้วยดี ไม่มีความทรมาน …กราบพระ🙏🏻

ที่สำคัญ ไม่โดนน้ำ ระวังสุดๆคะทุกสิ่ง

แล้วตื่นเช้าบ่ายวันรุ่งขึ้นไปดูแผล …แผลดูดีไม่มีปัญหาก็รักษาตัวให้ไม่ ขยี้ตาตอนกลางคืน ล้างตา เช็ดตา ไม่แต่งหน้าอย่างดี ทำอะไรยังไงตามที่บอกเป๊ะคะ แต่มีตาแห้ง หลังทำหนึ่งสัปดาห์หยอดตาบ่อยหน่อยเคร่งครัดมากๆใส่แว่นตากันลม กันแดดไว้…


กลับมาหลังจากนั้นอีกหนึ่งสัปดาห์ วันนี้หมอบอกว่าแผลหายเร็ว แห้งน้อย อย่าเพิ่งไปทะเล ว่ายน้ำ แต่แต่งหน้าได้แล้ว…เย้

อย่างไรก็ดีเลยคิดว่า คุณจะทำเลสิคที่ไหนก็แล้วแต่ขอให้มั่นใจในฝีมือหมออันดับแรกคะ เพราะซีเชื่อว่า ไม่ใช่เทคโนโลยีอย่างเดียว ฝีมือแพทย์ต้องไปด้วยกัน ตาเราพลาดไม่ได้มีคู่เดียวคะ แต่ระยะการพักฟื้นสายตา หลังทำแต่ละคนจะมีการฟื้นตัวที่ไม่เท่ากัน บางคนเห็นมึนๆเหมือนซีอาทิตย์แรกที่มืดเห็นเหมือนคนหน้ามืดมองพร่าๆเล็กน้อย ค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ ฟังจากเพื่อนที่ทำรีเลกซ์ เห็นแสงไฟเป็นglare ก็เยอะคะ แต่สักพักจะดีขึ้น ครั้งนี้ก็ขอชื่นชมคุณหมออนันต์ มือนิ่ง ใจดี ไม่ขี้รำคาญ คนขี้กลัวแบบซีนะคะ พอใจสุดๆคะ แนะนำคุณหมอท่านนี้เลย

ขอรีวิวรอบนี้ ดังนี้ค่ะ ตอนนี้หลังผ่าตัดมาหนึ่งอาทิตย์ มองอะไรชัดมากเหมือนใส่คอนแทคเลนส์ แต่สบายกว่าเพราะไม่ได้กงัวลกับการใช้ชีวิตอะไรมาก แต่ซีสั้นไม่เยอะมากคะก่อนหน้า ตอนนี้พอมองชัดตลอดเวลาก็โอเคแฮปปี้สุดๆ ยังฟื้นไม่100% นะคะรู้สึกว่าที่มืด ยังเหมือน คนหน้ามืดมองอะไรวิ้งๆหน่อย รออีกเดือนคะ ไปพักสายตาแล้วคะ พิมมาขนาดนี้มองแต่แป้นพิมพ์มากๆ นอนละคะ ขอให้คนเลสิคประสบผลสำเร็จทุกคนคะ

2 thoughts on “เล่าประสบการณ์ทำเลสิคของซี แบบเห็นภาพ

  1. สวัสดีค่ะ หลังทำมองไม่ชัด ตัวอักษรเบลอๆ รู้สึกฝ้าๆ อาการนี้จะดีขึ้นมั้ยคะ

Leave a comment